No Data
  No Data
  No Data
  No Data
 



***สัมภาษณ์ที่รายการ Health Channel 
ที่ Nation TV ในวันที่ 9 กย. 2555

**************************************************************




***สัมภาษณ์ที่รายการ Health Channel 
ที่ Nation TV ในวันที่ 2 กค. 2557

**********************************************************************************

Q&A: คุยกับ ดร.วิทยา กดุมภะ 

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี
ด้วย
เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง (YBG)
 
Q: ขอสอบถามว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายคืออะไรและมีส่วนสำคัญอย่างไรต่อร่างกายของเราคะ?

A: ก่อนจะอธิบายเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน ผมขอขยายความซักหน่อยนะครับ “การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีด้วยเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง” คำว่า “ภูมิคุ้มกันที่ดี” นั้นผมหมายถึง จะต้องเป็นภูมิคุ้มกันที่ถูกต้องและแข็งแรงด้วยนะครับ ถ้าเรามีแต่ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงแต่ไม่ถูกต้อง ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากเข้าไปอีก ส่วนการมีภูมิคุ้มกันที่ถูกต้องแต่ไม่แข็งแรง ก็ยังไม่สามารถจะเรียกว่าภูมิคุ้มกันที่ดีได้นะครับ ดังนั้นหากมีสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่บอกว่าเสริมภูมิคุ้มกันท่านให้แข็งแรง ท่านจะต้องทราบด้วยว่าเป็นภูมิคุ้มกันที่ถูกต้องด้วยหรือไม่

มาพูดถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา จะมาพูดให้ทราบถึงหน้าที่ก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่อันหนักอึ้งซะด้วย

อันแรกคือ จัดการกับสิ่งแปลกปลอมจำนวนนับล้านๆที่เข้าสู่ตัวของเราจากภายนอก ซึ่งทำให้เราท่านยังรู้สึกสบายดีในแต่ละวันที่ผ่านไป

อันที่สองคือ กำจัดเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย ซึ่งในร่างกายเราก็มีเซลล์ที่ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง มากมายในแต่ละวัน

อันที่สามคือ การซ่อมแซมเซลล์หรืออวัยวะส่วนที่สึกหรอจากการใช้งาน จากการถูกโจมตี หรือบาดเจ็บ เช่น ตอนที่เราเป็นแผลเราก็ใช้ยาลดการติดเชื้อ เช่น เบตาดีน หรือยาแดง เป็นต้น หรือตอนคุณหมอผ่าตัดเราเสร็จก็เย็บให้แผลติดกันและแค่ใส่ยาป้องกันการติดเชื้อ โดยระบบภูมิคุ้มกันของเราจะจัดการสมานแผลของเราเอง

ดังนั้นจะเห็นว่าร่างกายเราพึ่งพาระบบภูมิคุ้มกันของเรามากแค่ไหน คนที่มีภูมิคุ้มกันที่ดี (ผมหมายถึงที่ถูกต้องและแข็งแรง) จะทำให้เขาเหล่านั้นมีอายุได้ 90-100 เศษอย่างแข็งแรงโดยที่ไม่เป็นโรคใดๆเลย แต่สำหรับพวกเราในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ก็สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีด้วยเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังครับ



การที่จะพูดถึงระบบภูมิคุ้มกันที่ประกอบด้วยเซลล์ เอนไซม์ และ Factors ต่างๆนับพันชนิดจะเป็นการสับสนมาก เมื่อราว 8-9 ปีที่ผ่านมานี้เอง ได้มีการเสนอรูปแบบการตอบสนองสิ่งแปลกปลอมโดยระบบภูมิคุ้มกัน โดยแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภูมิคุ้มกันวิทยา โดยมีรูปแบบการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันหรือที่เรียกในที่นี้ว่าสมดุลภูมิคุ้มกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 สมดุล โดยมีการเกิดดังนี้

ตามที่ได้ทราบแล้วว่า ระบบภูมิคุ้มกันมีหน้าที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอมภายนอก ดังนั้นในทุกที่ๆสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใต้ผิวหนัง ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ และภายในตา เป็นต้น ก็จะมีเม็ดเลือดขาวจำนวนหนึ่งทำหน้าที่เป็นยามคอยเฝ้าดูสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา เม็ดเลือดขาวทั้งหลายในบริเวณนั้นจะกรูกันเข้าไปสัมผัสและกินสิ่งแปลกปลอมนั้น และจะมีเม็ดเลือดขาวชนิดนึงเรียกว่า APC เมื่อเข้าไปกินสิ่งแปลกปลอม แล้วส่งสัญญาณเรียกเม็ดเลือดขาวจากที่อื่นให้เข้ามาในที่เกิดเหตุ และตัว APC นี้เองจะเดินทางไปต่อมน้ำเหลืองเพื่อส่งสัญญาณของสิ่งแปลกปลอมให้กับ Th0 ในรูปของสารเคมีทำให้ Th0 กลายเป็น สมดุลต่างๆดังกล่าวมาแล้ว ดังจะเห็นในรูปสีดำคือสัญญาณสารเคมีที่ APC จะใช้กระตุ้น Th0 เมื่อ Th0 ได้เปลี่ยนไปเป็นสมดุลต่างๆ ก็จะสร้างสารเคมีเฉพาะของสมดุลนั้นๆออกมาตอบสนองกับสิ่งแปลกปลอม สารเคมีเฉพาะเหล่านี้จึงเหมือนคำสั่งจากแม่ทัพว่า จะให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมนี้อย่างไร?

    

สมดุลแรกสมดุล Th1 เป็นสมดุลพื้นฐานของระบบภูมิคุ้มกันของเรา สามารถจัดการกับสิ่งแปลกปลอมได้ทั่วไปและทุกชนิด ต่อมามีการวิวัฒนาการเกิดสมดุล Th17 เพื่อจัดการสิ่งแปลกปลอมที่เป็นเชื้อโรคที่รุนแรงขึ้น จึงสร้างให้สมดุล Th17 มีการทำลายสิ่งแปลกปลอมที่รุนแรง และสมดุล Th2 เป็นสมดุลที่เมื่อพบกับสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายทำลายได้ยากหรือทำลายไม่ได้ เช่น พยาธิ หรือ ละอองเกสรดอกไม้ เป็นต้น ซึ่งจะเคลื่อนที่ไปส่วนต่างๆของร่างกายและสร้างความเสียหายไปตามทางที่เคลื่อนที่ไป จึงต้องมีระบบที่ทำการซ่อมอย่างรวดเร็ว ส่วนสมดุลสุดท้ายสมดุล Treg เป็นสมดุลที่ร่างกายสร้างขึ้นมาสำหรับปกป้องสิ่งที่มีประโยชน์หรือเป็นมิตรต่อร่างกาย เช่น จุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร หรือในระหว่างการตั้งครรภ์ ลูกในท้องซึ่งนับเป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกายแม่ เนื่องจากมีพันธุกรรมของพ่อด้วย จึงเป็นสมดุลป้องกันไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันของแม่มาทำลายลูก โดยการลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในบริเวณนี้ลง มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดการแท้งลูกได้



ตามปกติเมื่อสมดุลภูมิคุ้มกันต่างๆทำงานเสร็จแล้ว เม็ดเลือดขาวที่มีบทบาทในการทำงานจะถูกทำลายลง แล้วสมดุลที่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอม ก็จะกลับสู่สมดุล Th1 ซึ่งเป็นสมดุลพื้นฐานปกติ มีการพบโรคที่เกิดมาจากระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น เช่น โรคภูมิแพ้ โรคภูมิต่อต้านตัวเองต่างๆ หรือแม้แต่โรคมะเร็ง ทำให้เกิดสมมุติฐานว่า ผู้ที่เป็นโรคดังกล่าวอาจจะเนื่องมาจากการที่สมดุลไม่กลับมาสู่สมดุลพื้นฐาน (หรือถูกล็อคให้อยู่ในสมดุลที่เดิม) หลังเสร็จงานแล้ว

          การล็อคอยู่ในสมดุล Th2 จะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้

          การล็อคอยู่ในสมดุล Th17 จะทำให้เกิดโรคภูมิต่อต้านตัวเอง

          การล็อคอยู่ในสมดุล Treg จะทำให้เกิดโรคมะเร็ง 

จะขอกล่าวถึงหลักฐานที่แสดงความเกี่ยวข้องของสมดุล Treg กับมะเร็งสักเล็กน้อย
  • เริ่มต้นพบว่า Treg ยับยั้งการทำงานของ NK cells (เม็ดเลือดขาวที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการกับเซลล์มะเร็ง) ในมะเร็งหลายชนิด
  • พบ Treg ในมะเร็งในระยะลุกลามทุกชนิด
  • พบว่าปริมาณการเพิ่มขึ้นของ Treg มีความสัมพันธ์กับความคืบหน้าของโรคมะเร็ง
  • ผู้ป่วยมะเร็งที่ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อทิ้งไป ทำให้ปริมาณ Treg ลดลงสู่ระดับเกือบปกติ
  • ผู้ป่วยมะเร็งหลายชนิดที่ได้รับเคมีบำบัดแล้ว พบปริมาณ Treg ลดลงเป็นปกติ
  • พบการส่งสารเคมีจากเซลล์มะเร็งเพื่อเรียก Treg ให้มาปกป้อง และพบที่รับสัญญาณเคมีบนผิว Treg อีกด้วย
ทำให้เราได้ภาพรวมของสมดุลภูมิคุ้มกัน ซึ่งสามารถเปลี่ยนกลับไปมาได้ และในเวลาหนึ่งๆจะมีสมดุลที่เด่น ส่วนสมดุลที่เหลือจะถูกยับยั้งการทำงานลง และในกรณีที่สมดุลถูกล็อค การกระตุ้นให้เกิดการสร้างสมดุล Th1 จึงเป็นการปลดล็อคสมดุลอื่นๆที่เกิดขึ้น ซึ่งการศึกษาพบว่า การสร้างสมดุล Th1 จึงทำให้อาการต่างๆบรรเทาเบาบางลงหรือหายไปในที่สุด



Q: เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง (YBG) ทำให้สมดุลพื้นฐานของร่างกาย (สมดุล Th1) เกิดขึ้นได้อย่างไร?

A: การเกิดสมดุล Th1 โดยเบต้ากลูแคนก็เกิดแบบเดียวกัน (APC ส่งสัญญาณเคมีให้ Th0 กลายเป็น Th1) ถึงปัจจุบันนี้มีเบต้ากลูแคนเพียง 3 ชนิดเท่านั้นที่สามารถทำให้เกิดสมดุล Th1 อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป ในรูปจะเห็นเม็ดเลือดขาวสองชนิดที่เกี่ยวกับการส่งสัญญาณ ตัวสีฟ้าคือ APC ตัวนำสัญญาณมาส่งให้ ส่วนตัวสีเหลืองคือ Th0 ในที่นี้จะพูดถึงเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง ซึ่งขนมปังเป็นอาหารคู่กับมนุษย์มาเป็นเวลานานแล้ว จึงมีความปลอดภัยสูงมาก การทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังนี้ทำให้ APC ส่งสัญญาณสารเคมีเป็น IL-12 และ IL-18 ทำให้ Th0 กลายเป็น Th1 แล้วจึงปล่อยสารเคมีออกมา 3 ชนิด ซึ่งพบเห็นสารเคมีเหล่านี้สารออกมา ในคนที่ทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง

      

………………………………………………………………………

Q: เมื่อเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง (YBG) ทำให้เกิดสมดุล Th1 ขึ้นแล้ว จะสามารถปลดล็อคหรือปรับสมดุลให้มาเป็นสมดุล Th1 จริงเหรอคะ?

A: จากที่ทราบแล้วว่า สมดุลต่างๆในร่างกายสามารถเปลี่ยนกลับไปมาได้ เมื่อสมดุล Th1 เด่นขึ้นมาจากการทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง สมดุลอื่นก็จะถูกกดลง ดังนั้นหากร่างกายถูกล็อคอยู่ในสมดุลอื่นๆ ก็จะถูกปลดล็อคออกไปในที่สุด ดังตัวอย่างที่แสดงให้เห็นในกรณีที่ร่างกายถูกล็อคให้อยู่ในสมดุลภูมิแพ้ (สมดุล Th2)

มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงการปรับสมดุลจาก Th2 ไปสู่สมดุล Th1 (หรือเป็นการปลดล็อคสมดุลภูมิแพ้) โดยเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง โดยหนูที่ถูกกระตุ้นให้มีสมดุลเป็น Th2 หลังจากกินน้ำผสมเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังแล้ว ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ จะส่งผลให้สารเคมีจากสมดุล Th2 ลดลงจากเดิมถึง 310 เท่า ขณะที่สารเคมีจาก Th1 เพิ่มขึ้นจากเดิม 6-10 เท่า การศึกษานี้เป็นการศึกษาที่แสดงการปรับเปลี่ยนสมดุลอย่างชัดเจน

      

ขอเสริมด้วยการศึกษาในคนอีกอันนะครับ เพื่อความชัดเจน ซึ่งรูปแบบการศึกษานี้เป็นที่ยอมรับในการวิจัยทางการแพทย์ว่าเป็น Gold Standard โดยจะมีผู้เข้าร่วมศึกษา 3 กลุ่มโดยที่กลุ่มแพทย์ กลุ่มคนไข้ และกลุ่มนักสถิติ ซึ่งแพทย์จะตรวจและส่งผลให้นักสถิติเป็นผู้วิเคราะห์ เรียกว่าต่างคนต่างๆไม่รู้ข้อมูลของกลุ่มอื่นๆ ในการศึกษานี้ใช้ผู้ป่วยภูมิแพ้ซึ่งเป็นมานานเฉลี่ยเกือบ 8 ปี ศึกษาในช่วงเวลา 3 เดือน ผลก็คือ สารเคมีจาก Th2 ลดลงกว่า 30% ในขณะที่สารเคมีจาก Th1 เพิ่มขึ้น 20-50% และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เม็ดเลือดขาวชนิดอิโอซิโนฟิลซึ่งเป็นตัวบ่งชี้การแพ้ลดลง 22%  ผู้เข้าศึกษามีอาการทุเลาลงและหายจากอาการดังกล่าวในที่สุด

………………………………………………………………………

Q: ที่พูดมามีแต่ข้อมูลของเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังทั้งนั้น แล้วเบต้ากลูแคนจากแหล่งอื่นจะทำแบบนี้ได้ไหมคะ?

A:สำหรับเรื่องนี้มีความจริงที่ต้องทราบก็คือ เบต้ากลูแคนจากแต่ละแหล่งมีรูปร่างต่างๆกันไป แม้แต่ที่มาจากกลุ่มเดียวกัน เช่น เห็ดกินได้ชนิดต่างๆก็ให้เบต้ากลูแคนที่มีรูปร่างหรือโครงสร้างที่ต่างกันมาก นอกจากนั้นกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ที่ไม่เหมาะสม  ก็ยังส่งผลต่อรูปร่าง 3 มิติของเบต้ากลูแคน เป็นต้น เท่าที่ศึกษามามีเพียงเบต้ากลูแคนจาก 3 แหล่งเท่านั้นที่สามารถปรับสมดุลให้เป็นสมดุล Th1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เบต้ากลูแคนบางชนิดนอกจากไม่ปรับแล้ว ยังกระตุ้นให้เกิดสมดุลที่อันตรายอีกด้วย เช่น เบต้ากลูแคนจากสาหร่ายและแบคทีเรีย

   

………………………………………………………………………

Q: ตอนนี้ก็ทราบแล้วว่า เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังสามารถปรับสมดุลภูมิคุ้มกันให้ปกติได้ แล้วข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกัน?

A: หัวเรื่องนี้นับเป็นส่วนที่สองของคุณสมบัติของการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก่อนหน้านี้พูดไปแล้วถึงการทำให้มีภูมิคุ้มกันที่ถูกต้อง ในตอนนี้จะพูดถึงการทำให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ซึ่งอันที่จริงแล้วการศึกษาสารเสริมความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันมานับ 100 ปีแล้วครับ แต่มีการศึกษาในช่วงปี 1990 ที่องค์การ NATO (สนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติคเหนือ) ได้มีมติให้หาสารเสริมภูมิคุ้มกัน เพื่อทหารที่ไปประจำในถิ่นทุรกันดารในประเทศโลกที่ 3 ที่มีสภาพแวดล้อมและอาหารการกินไม่ดีนัก เพื่อที่จะเสริมให้ทหารมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งจึงมีการริเริ่มให้เสาะแสวงหาสารเหล่านี้ขึ้นมา ผลของการศึกษาในสารอาหาร วิตามิน และสารเคมีต่างๆกว่า 300 ชนิดพบว่า เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการกระตุ้นให้การกินสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาวสูงขึ้น รูปด้านล่างเป็นตัวอย่างของการศึกษา



ในรูปข้างล่างแสดงปริมาณเบต้ากลูแคนและความสามารถการกินสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาว ในช่วงแรกจะพบว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสูงสุดที่ปริมาณ 32-48 มก/กกน้ำหนักตัว การทานมากขึ้นอีกร่วม 10 เท่ากลับให้ประสิทธิภาพลดลง กราฟนี้เป็นจริงสำหรับเบต้ากลูแคนจากทุกแหล่งเท่าที่มีการศึกษามา โดยเฉพาะปริมาณที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจะอยู่ในช่วง 32-48 มก/กกน้ำหนักตัว



การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการกินสิ่งแปลกปลอมของเบต้ากลูแคนจากแหล่งต่างๆ ข้อมูลที่เปรียบเทียบเป็นยี่ห้อดังที่จำหน่ายในท้องตลาดของเบต้ากลูแคนจากแต่ละแหล่ง จะเห็นว่าเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังมีความเหนือกว่า และในปริมาณที่ให้ประสิทธิภาพการกินของเม็ดเลือดขาวที่สูงที่สุด ก็สูงกว่าจะแหล่งอื่นๆมาก (เบต้ากลูแคนชนิดอื่นๆมีประสิทธิภาพสูงสุดไม่เกิน 60% ของเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังเท่านั้น)



………………………………………………………………………

Q: ถ้าเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังน่าสนใจขนาดนี้ ไม่ทราบว่าเลือกอย่างไรถึงจะดีคะ?

A: ก่อนจะบอกวิธีเลือกเนื่องจากในท้องตลาดมีอยู่หลายยี่ห้อมาก เปรียบเหมือนรถยนต์ ถ้าเราคิดว่ารถยนต์แต่ละยี่ห้อเหมือนกันคนเราก็คงซื้อแต่รถราคาถูก เพราะจำนวนเงินเท่ากันซื้อได้มากกว่า แต่ความจริงเบต้ากลูแคนก็เหมือนรถยนต์ที่มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพแตกต่างกันมาก

การเลือกซื้อเบต้ากลูแคนมีหลักอยู่ 3 ข้อ
  1. ประสิทธิภาพ ขณะนี้มีเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังสกัดจากสายพันธุ์พิเศษที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจากเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์เบต้ากลูแคนที่มีจำหน่ายในสหรัฐอเมริกากว่า 45 ยี่ห้อ โดยมหาวิทยาลัย Louisville สหรัฐอเมริกา
  2. ความบริสุทธิ์ สิ่งปนเปื้อนไม่เพียงแค่ความไม่สะอาด แต่อาจส่งผลข้างเคียงให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ และยังส่งผลให้สารที่ต้องการแสดงคุณสมบัติไม่เต็มที่ ที่บริสุทธิ์ที่สุดในท้องตลาดตอนนี้จะมีเบต้ากลูแคนที่บริสุทธิ์เกือบ 90% แต่ยี่ห้อส่วนใหญ่จะไม่บอกความบริสุทธิ์
  3. การละลายน้ำ เนื่องจากยีสต์ขนมปังและยีสต์สุราหรือบริวเวอร์ยีสต์มีต้นตอมาจากที่เดียวกัน (Saccharomyces cerevisiae) แต่การคัดเลือกสายพันธุ์ในเวลาต่อมามีการคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น การทำขนมปังต้องการยีสต์ที่สร้างกาซคาร์บอนไดออกไซด์สูงๆ ในขณะที่การหมักสุราต้องการยีสต์ที่ทนแอลกอฮอล์ได้ % สูง การคัดเลือกสายพันธุ์ต่างๆนี้ รวมทั้งระยะเวลาเก็บเกี่ยวจะมีผลให้เกิดความแตกต่างของเบต้ากลูแคนจากแหล่งทั้งสองทั้งทางกายภาพและคุณสมบัติ ดังนั้นจึงต้องทราบว่ามาจากยีสต์ขนมปังจริงๆ และต้องเป็นเบต้ากลูแคนชนิดที่ไม่ละลายน้ำเท่านั้น เนื่องจากเบต้ากลูแคนชนิดที่ละลายน้ำได้ ไม่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวใดๆเลย
อีกประการหนึ่งการทานสารเบต้ากลูแคนหลายชนิดในเวลาเดียวกันจะส่งผลเสียเนื่องจากจะไปแย่งจับที่จับเฉพาะของเบต้ากลูแคนที่อยู่บนผิวของเซลล์ เช่น เม็ดเลือดขาว เมื่อจับแล้วจะกระตุ้นเม็ดเลือดขาวตามแต่คุณสมบัติของเบต้ากลูแคนนั้นๆ ถ้าจับชนิดที่ไม่กระตุ้นอะไรเลยก็จะไปกันที่เบต้ากลูแคนชนิดอื่นทำให้อาจจะได้ประโยชน์ของเบต้ากลูแคนอย่างไม่เต็มที่



เมื่อเทียบเบต้ากลูแคนจากแหล่งต่างๆ เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังจะเหนือกว่าเบต้ากลูแคนจากแหล่งอื่นๆ การปรับสมดุล การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน การยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หรือการรอดชีวิตในระยะยาว สำหรับประสิทธิภาพการทำงานของ NK cells เป็นสิ่งที่คนสนใจกันมาก เนื่องจากเป็นเม็ดเลือดขาวที่มีบทบาทสำคัญในการกำจัดเซลล์มะเร็ง การศึกษาในผู้ประพฤติธรรมที่มีสมาธิสูงพบว่า NK Cells ของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงกว่าคนธรรมดา 400% สำหรับคนธรรมดาอย่างพวกเราหากต้องการให้มีประสิทธิภาพสูงเช่นนั้น เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังอาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอันนึงนะครับ



………………………………………………………………………

Q: อย่างนี้นอกจากปรับสมดุลพื้นฐานให้ถูกต้องและเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงแล้วเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังยังมีคุณสมบัติอื่นๆอีกไหมคะ?

A: ที่พูดมาซะยืดยาวนี่ได้เพียงแค่สองข้อแรกเท่านั้น แต่ถ้าพิจารณาเพิ่มเติมดีๆจะพบว่า อีกหลายข้อที่เป็นผลดีก็สืบเนื่องจากการที่มีภูมิคุ้มกันที่ถูกต้องและแข็งแรง หรือภูมิคุ้มกันที่ดีนั่นเอง เช่น การกำจัดสารพิษ, ลดการติดเชื้อ, ช่วยให้แผลหายเร็ว
ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ เช่น กระตุ้นปัจจัยในไขกระดูก เช่น G-CSF และ GM-CSF ซึ่งช่วยในการฟื้นตัวของเซลล์ต่างๆของร่างกาย ในกรณีทำเคมีบำบัด หรือฉายรังสี, ต้านอนุมูลอิสระช่วยเรื่องรังสีบำบัด, กระตุ้นการสร้าง Collagen ช่วยในเรื่องผิวหนังและหลอดเลือด, ช่วยลด LDL และ เพิ่ม HDL, ช่วยผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น

   

………………………………………………………………………

Q: เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังเหมาะสำหรับใครบ้างคะ?

A: มีประโยชน์กับคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กมีบริษัทนมผงยี่ห้อดังนำไปผสมในนมผงสำหรับเลี้ยงทารกด้วย นอกจากนี้ในปีนี้เอง (ค.ศ. 2014) คณะแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยี่ยม ได้เสนอให้ใช้เบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปังไปใช้ในรูปวัคซีนแบบทานให้เด็กวัยต่ำกว่า 5 ปีในประเทศโลกที่ 3 เพื่อลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ ที่คร่าชีวิตเด็กเหล่านี้ไปถึงปีละ 5 ล้านคน

ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ต้องการลดโอกาสเสี่ยงของการกลับมาเป็นอีก ผู้ป่วยระหว่างการทำเคมีบำบัดและรังสีบำบัด ผู้เข้ารับการผ่าตัดหรืออยู่ในระหว่างพักฟื้น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ต้องการลดความเสี่ยงในทางสุขภาพ คนเป็นโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันถูกล็อค เช่น หอบหืด ภูมิแพ้ ภูมิต่อต้านตัวเอง เช่น SLE ทางเดินอาหารอักเสบ ไขข้อเสื่อม สะเก็ดเงิน เป็นต้น

   

จบรายการ

  No Data
   อบรมการขาย   ส่งรถมอเตอร์ไซค์   พาเลทมือสอง   โรงเรียนเสริมสวย   ผ้าขนหนูราคาโรงงาน  
เว็บสำเร็จรูป
×